ทำอย่างไรให้ลูกเป็นคนรักการอ่าน

การมีนิสัยรักการอ่านดีอย่างไร


วันนี้เราจะพูดถึง Life-Long Reading คือนิสัยรักการอ่านที่ติดตัวไปตลอดชีวิต เราสามารถปลูกฝังให้กับลูกๆของเราได้โดยไม่จำเป็นต้องบังคับ แต่ก็ต้องใส่ใจ และการปลูกฝังนั้นต้องใช้เวลา เนื่องจากนิสัยรักการอ่านไม่ใช่สิ่งปลูกฝังกันแค่ 1-2 เดือนแล้วจะเห็นผล แต่เราใช้เวลานานเป็นปีหรือหลายปีเพื่อให้เด็กๆค่อยๆซึมซับไปอย่างเป็นธรรมชาติ ในฐานะผู้ปกครอง เราสามารถทำอะไรได้บ้าง มาเริ่มกันเลยค่ะ




ทำอย่างไรให้ลูกเป็นคนรักการอ่าน


1. อ่านออกเสียงให้ลูกฟังตั้งแต่ยังเล็ก ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นคือ 1-4 ขวบ โดยส่วนใหญ่ในวัยนี้ก็จะเป็นหนังสือนิทานที่มีภาพเยอะๆ สวยๆ สีฉูดฉาด และกระดาษไม่ขาดง่าย แต่จริงๆก็ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้น หากเรามีข้อจำกัด ก็ใช้หนังสืออะไรก็ได้ที่เนื้อหาไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก ขอแค่เราอ่านให้ลูกฟังอย่างสม่ำเสมอก็พอ และสิ่งที่แน่นอนที่สุดคือเด็กจะไม่ค่อยให้ความสนใจค่ะ หรือบางคนไม่สนใจเลย ผู้ใหญ่ก็เล่าไป ส่วนเด็กก็สาละวนอยู่กับอย่างอื่น หรือไม่ก็หาทางฉีกหนังสือซะเละเทะ 55555 ถ้าลูกคุณเป็นแบบนี้ก็ขอให้เข้าใจไว้เลยว่า “ปกติค่ะ”

เด็กเล็กส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นแบบนี้ เค้าสนใจทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว อะไรก็ดูน่าสนใจไปหมดและเค้าก็ยังไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้นานๆ ทุกอย่างต้องใช้เวลา ขอเพียงเราอดทนรอคอย อย่างที่เราบอกไว้ตอนต้นว่าการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านนั้นไม่ได้ทำกันได้ภายในเวลาสั้นๆ ถ้าคุณอดทนอ่านให้ลูกฟังได้ทุกวันเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และเมื่อถึงวันนั้นตัวคุณเองก็จะยิ่งรักการอ่านตามลูกไปด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เด็กบางคนอาจใช้เวลามากกว่า 2-3 ปีในการสนใจอ่านหนังสือ ขอเพียงคุณไม่ยอมแพ้ รับประกันได้ว่าเด็กจะรักการอ่านในที่สุดค่ะ

อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆคนคงอยากจะพูดว่า แย่แล้วลูกฉันอายุเกินจะเริ่มแล้วสิ! คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ ไม่มีคำว่าสายเกินไป เริ่มช้าแต่ก็เริ่มนะ รับประกันได้ว่าไม่สูญเปล่าแน่นอน


2. เลือกหนังสือที่ลูกสนใจ เพราะการเลือกหนังสือที่เหมาะสมมีส่วนสำคัญในการจุดประกายความรักในการอ่าน ไม่จำเป็นว่าต้องอ่านหนังสือที่มีสาระหรือให้ความรู้ หนังสือเราแบ่งออกเป็นสารคดี และบันเทิงคดี ลูกจะอ่านนิทาน นวนิยาย comic หรือขายหัวเราะก็ได้ ขอให้เป็นหนังสือในแบบที่ลูกชอบ เมื่อลูกเสพติดการอ่านแล้วเค้าจะเริ่มขยัยขยายไปอ่านหนังสือแนวอื่นๆเองในอนาคต หากเค้าเลอกอ่านเฉพาะบันเทิงคดีอย่างเดียวก็ไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะ เพราะเด็กๆมักได้สั่งสมจินตนาการมากมายจากหนังสือประเภทนี้

อย่าลืม! ค้นหาหนังสือที่ตรงกับความสนใจของลูกและเฝ้าดูความรักในการอ่านที่ค่อยๆเติบโตขึ้น!


3. ระดับความยากของหนังสือต้องเหมาะสมกับวัย อันนี้พูดถึงกรณีที่เด็กสามารถอ่านหนังสือเองได้แล้ว การให้ลูกอ่านหนังสือที่ยากกว่าระดับความความสามารถทางภาษาของเด็กเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะนัก ยิ่งยากยิ่งท้อแท้ และพาลจะไม่รักการอ่านไปในที่สุด ยกเว้นว่าเป็นเรื่องที่สนใจมากจริงๆและไม่สามารถหาหนังสือในระดับที่เหมาะกับเด็กได้ แนะนำให้ผู้ปกครองอ่านให้ฟังค่ะ งานวิจัยพบว่าเราสามารถอ่านหนังสือแบบออกเสียงให้ลูกฟังได้จนถึง ม.ต้น เลยนะคะ และให้ผลลัพธ์ที่ดีมากๆด้วย ไม่ใช่ว่าพอลูกอ่านเองได้แล้วต้องให้ลูกอ่านย่างเดียวนะ ผู้ปกครองสามารถเข้าไปร่วมอ่านและมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กได้ การอ่านหนังสือให้ลูกวัยรุ่นฟังไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่ให้ผลดีด้วยซ้ำค่ะ


4. อ่านววรรณกรรม การเรียนรู้จากวรรณกรรมเป็นอีกวิธีที่ดีในการจุดประกายความรักในการอ่าน การอ่านวรรณกรรมจะช่วยในการเชื่อมโยงหลายๆสิ่งเข้าด้วยกัน เช่น หากเราอ่านวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์ เด็กๆก็จะเชื่อมโยงเนื้อหาของวรรณกรรมเข้ากับเนื้อหาวิชาประวัติศาสตร์ที่เรียนมาในชั้นเรียน และก่อให้เกิดภาพจินตนาการและมีความรู้สึกร่วม ทำให้การเรียนในหัวข้อนั้นๆมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หรือหากลูกๆของคุณอ่านนิยายแฟนตาซี พวกเค้าจะสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการจินตนาการตัวละครและเรื่องราวผ่านตัวหนังสือที่ไม่มีภาพ คนที่อ่านนิยายเล่มเดียวกันพวกเค้าจะจินตนาการออกมาไม่เหมือนกัน คุณว่ามันเจ๋งมั้ย!

การดูภาพยนต์ที่ดักแปลงมาจากวรรณกรรมฉบับหนังสือก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี ถ้าเด็กๆได้อ่านหนังสือและได้ดูหนังเรื่องนั้นไปด้วย จินตนาการจะยื่งพุ่งพล่าน หรือบางอย่างที่เค้ายังจินตนาการไม่ออกตอนอ่านหนังสือ อันเนื่องมาจากประสบการณ์ที่ยังน้อย เมื่อได้ดูหนังแล้วด็จะทำให้เค้าได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น และยังได้รับความสนุกสนานอีกด้วย อ้อ! และมันยังทำให้เด็กๆรู้จักการวิเคราะห์วรรณกรรมโดยไม่รู้ตัว เพราะเค้าจะเอาไปเปรียบเทียบข้อแตกต่างกันระหว่างในหนังสือกับในภาพยนต์ด้วยค่ะ

ปัจจุบันมีหนังสือวรรณกรรมเยาวชนให้เลือกอ่านมากมายแล้ว เราขอยกตัวอย่างวรรณกรรมสำหรับเด็กที่น่าสนใจบางเล่มนะคะ (ภาษาอังกฤษนะ) ลองกด link เพื่อเข้าไปดูรายละเอียดหนังสือได้ค่ะ


Roald Dahl ฉบับพิเศษ ภาพสี ปกอ่อนเล่มใหญ่ ประมาณA4 ขายในราคา ฿250 - ฿300 คลิกดูรายละเอียดหรือสั่งซื้อ! https://shope.ee/9zJqURgQ1y


📚 นิยายคลาสสิค✒️The Charles Dickens Children's Collection 🖌สำหรับเด็ก พร้อมหนังสือเสียง Audio ขายในราคา ฿459 คลิกดูรายละเอียดหรือสั่งซื้อ! https://shope.ee/30A6A4pnkn


หนังสือ POPCORN READERS 2:THE LITTLE PRINCE &THE ROSE+ CD ลดราคา 5% เหลือ ฿190 คลิกดูรายละเอียดหรือสั่งซื้อ! https://shope.ee/A9dGgTQaHI

หนังสือ POPCORN READERS 1:HOW TO TRAIN YOUR DRAGON +CD PK ลดราคา 5% เหลือ ฿190 คลิกดูรายละเอียดหรือสั่งซื้อ! https://shope.ee/10P1lhkKZM

หนังสือ POPCORN ELT READERS 2:PUSS IN BOOTS:THE OUTLAW+CD ลดราคา 5% เหลือ ฿190 คลิกดูรายละเอียดหรือสั่งซื้อ! https://shope.ee/L9KyZAyLQ


แนวผจญภัย ภาพสวย The Famous Five Collection Col ภาพสี🌈by Enid Blyton ขายในราคา ฿490 คลิกดูรายละเอียดหรือสั่งซื้อ! https://shope.ee/8UV2hkxMvo


🔎หนังสือเด็ก Sherlock Holmes children’s collection + audio ภาษาอังกฤษชุด10เล่ม ขายในราคา ฿419 - ฿439 คลิกดูรายละเอียดหรือสั่งซื้อ! https://shope.ee/2VDpYlkDHm


5. จัดสภาพแวดล้อมให้พร้อมสำหรับการอ่านหนังสือ สภาพแวดล้อมที่พร้อมให้อ่านเป็น
หนึ่งในกุญแจสำคัญในการสร้างนักอ่านให้เติบโต ถ้าเราอยากให้เด็กๆสนุกสนานและอ่านหนังสือเป็นเวลานาน เราควรจัดพื้นที่ให้เหมาะสมด้วย ใครมีบ้านหลังใหญ่ก็แยกห้องเพื่อการอ่านอย่างสงบและสนุกออกมาเลย จัดหนังสือเรียงใส่เต็มชั้น อันนี้สำคัญนะว่าต้องมีชั้นวางหนังสือไม่ใช่กองๆทับกันไว้ที่พื้น หากบ้านไหนมีพื้นที่จำกัดก็ให้ขัดเป็นมุมเล็กๆเรียกว่ามุมรักการอ่าน มีชั้นหนังสือ มีที่นั่งอ่าน มีความสงบ และมีแสงสว่างเพียงพอ แค่นี้ก็ว้าวแล้วล่ะ!


6. ลองให้เด็กๆเล่าเรื่องที่เค้าอ่านให้เราฟังแบบสรุป แบบย่อ หรือแบบคร่าวๆก็ได้ เพื่อเป็นการทบทวนความเข้าใจ ในขั้นตอนนี้เด็กๆจะได้ฝึกฝนทักษะการพูด การเรียบเรียง การสรุปความ และการตีความและถ่ายทอดออกมาให้ผู้อื่นเข้าใจได้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆเลยนะ ถ้าเราใช้เวลาในวันว่างกับลูกๆแล้วนั่งฟังเด็กๆเล่าเรื่องที่เค้าอ่านมา นอกจากเราจะได้ใช้เวลาคุณภาพด้วยกันแล้วยังเป็นการพัฒนาความสามารถของลูกไปในตัวด้วย แม่ๆต้องลองแล้วล่ะคราวนี้!

เป็นยังไงกันบ้างคะ เราพอจะมองเห็นข้อดีของการให้ลูกเป็นเด็กรักการอ่านแล้วใช้มั้ยคะ วันที่ดีที่สุดในการเริ่มคือวันนี้ค่ะ 55555 ใช่ค่ะ ทำเลยนะคะ เอาใจช่วยคุณพ่อคุณแม่ทุกคนและขอให้เด็กๆมีความสุขกับการอ่านหนังสือนะคะ

พบกันใหม่บทความหน้าจ้าาา

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น