ผู้ปกครองหลายๆท่านคงเป็นกังวลใช่มั้ยคะ เวลาที่ลูกของตัวเองกำลังเชื่อเรื่องเวทมนต์ นางฟ้า หรือหลายสิ่งหลายอย่างที่ดูจะเป็นไปไม่ได้หรืออาจจะไร้สาระในสายตาผู้ใหญ่ บางครั้งเด็กๆก็ดูจะอินกับเรื่องนั้นเอามาก ในฐานะผู้ใหญ่เราควรปล่อยให้ลูกจินตนาการไปอย่างนั้น หรือเราควรรีบเข้าไปอธิบายเหตุผลและหลักความเป็นจริงกันดีล่ะ
ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านมีความเห็นตรงกันว่า การปล่อยให้เด็กๆเชื่อเรื่องเวทมนต์นั้นให้ผลดีกว่าในระยะยาวค่ะ เวทมนต์ในที่นี้หมายถึงอะไร ยกตัวอย่างเช่น นางฟ้า, เจ้าหญิง, ซานตาคลอส, ซุปเปอร์ฮีโร่, พ่อมด, แม่มด, Tooth Fairy, และอะไรที่แฟนตาซีทั้งหลาย รวมถึงขอพรจากดวงดาว ดวงจันทร์ เป็นต้น โดยในบทความนี้เราขอเรียกรวมๆว่า “เวทมนต์”
เวลาที่เด็กๆสัมผัสได้ถึงความอัศจรรย์ของเวทมนต์ เช่น เวลาที่ได้ของขวัญจากซานต้า หรือเวลาที่ได้เหรียญเงินจาก tooth fairy เด็กจะมีความรู้สึกตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ รวมถึงมีดวงตาที่เป็นประกายด้วยความไร้เดียงสา การที่ผู้ปกครองสนับสนุนลูกในเรื่องเหล่านี้จะช่วยขยายจินตนาการของพวกเค้าให้กว้างขึ้น ลองนึกถึงเวลาที่เราเล่าเรื่องอะไรซักอย่างให้คนอื่นฟัง แล้วถ้าคนฟังเค้าสนใจเรื่องขอลเรา เราก็จะรู้สึกตื่นเต้นมาก อยากพูด อยากเล่าต่อ แต่ถ้าเล่าแล้วเค้าไม่สนใจก็เหมือนกับถูกดับฝัน 555 ซึ่งจินตนาการที่ถูกขยายให้กว้างขึ้นนั้นจะสร้างประกบการณ์ที่น่าจดจำและติดตัวเด็กๆไปอีกนานแม้ว่าจะถึงวัยที่เลิกเชื่อแล้วก็ตาม
“ความเชื่อเรื่องเวทมนต์ของเด็กๆจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยทั่วไปจะอยู่ที่อายุประมาณ 9 ขวบ ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวไว้ เด็ก ๆ ที่รักษาจุดประกายแห่งจินตนาการให้คงอยู่ได้นานที่สุดจะได้รับประโยชน์จากพัฒนาการที่สามารถคงอยู่ไปตลอดชีวิต”
ประโยชน์ของการที่เรายอมให้เด็กๆเชื่อเรื่องเวทมนต์
1. มีความทรงจำที่ดีในวัยเด็ก - ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ความทรงจำดีๆในวัยเด็กของพวกเราทุกคนนั้นยังคงมีค่ามากเสมอ ไม่ว่าที่ไหน และไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คิดถึงก็ทำให้อบอุ่นหัวใจและยิ้มไปกับมันได้เด็กที่อิ่มเอมกับโลกเวทมนต์ในวัยเด็กจะมีเรื่องราวและความทรงจำดีๆให้นึกถึงและผูกพันธ์ ยิ่งถ้าได้รับการสนุกจากพ่อแม่ ความทรงจำเหล่านั้นก็จะยิ่งชัดเจน มันคือความผูกพันธ์กับคนในครอบครัว สังคมวัฒนธรรม ประเพณี และสิ่งแวดล้อม ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเวทมนต์ดีๆเหล่านั้นคือพื้นที่ปลอดภัยที่เค้าจะไว้ใจได้
2. เด็กๆรู้สึกว่าตัวเองมีพลัง มันสร้างความรู้สึกมีอำนาจ พวกเค้าอาจคิดว่าตัวเองเป็น Iron Man หรือSpiderman ก็ได้ และพลังของพวกเค้าก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกหรือแม้แต่ช่วยเหลือผู้อื่นได้ คุณเคยมั้ยที่บางทีเราอาจจะหกล้มหรือบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ แล้วลูกของเราก็เดินมาบอกว่าเค้ามีพลังที่จะสามารถช่วยเราได้ จากนั้นเราก็เออออห่อหมกไปกับพลังที่ไม่มีจริงของลูก นั่นแหละพลังแห่งเวทมนต์ที่เรามองไม่เห็น พลังที่เด็กๆเชื่อว่าพวกเค้าก็สามารถช่วยคนอื่นได้ด้วยมือเล็กๆของเค้า แต่ก็มีข้อควรระวังในกรณีที่เด็กอินเกินไปจนไปปีนตึกและคิดว่าตัวเองเป็น Spiderman ผู้ปกครองมีหน้าที่ระแวดระวังภัยและสอนให้พวกเค้ารู้จักขอบเขตและข้อจำกัดของตนเอง
3. แรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ อาจมาจากจินตนาการแห่งเวทมนต์ในวัยเด็ก ความเชื่อที่ปราศจากความสงสัยเป็นพลังขับเคลื่อนภายในที่น่าอัศจรรย์ เด็กบางคนมีความมุ่งมั่นกับเรื่องบางเรื่องอย่างน่าทึ่งพวกเค้าพยายามทำบางสิ่งบางอย่างให้สำเร็จโดยมีบุคคลในโลกเวทมนต์เป็นแรงบันดาลใจ เช่นเด็กบางคนพยายามรักษาระดับความดีเพื่อที่จะได้รับของขวัญจากลุงซานตาคลอส หรือเด็กบางคนพยายามรักษาสุขภาพฟันและช่องปากของตนเองเพื่อจะได้เหรียญรางวัลจากนางฟ้าฟันน้ำนม มันเจ๋งไปเลยใช่มั้ยคะ ขนาดผู้ใหญ่อย่างเราๆบางทีก็ตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อไปดูคอนเสิร์ตของศิลปินที่ชอบ หรือไปเที่ยวประเทศในฝัน เด็กๆก็มีแรงบันดาลใจเช่นกันค่ะ
4. จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ การเชื่อในเวทมนตร์ช่วยให้เด็กๆมีความคิดที่ยืดหยุ่น อยากรู้อยากเห็น และสร้างความรู้สึกสงสัย ซึ่งคุณลักษณะเหล่านี้เชื่อมโยงกับการพัฒนา Growth Mindset เมื่อโตขึ้นพวกเค้าจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขและปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดี พวกเค้ามีความเชื่อว่าอะไรก็เป็นไปได้ จึงส่งผลให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ออกมาแบบไร้ขีดจำกัด สิ่งประดิษฐ์ต่างๆที่อยู่รอบตัวเราล้วนเกิดจากความคิดที่ว่า “มันเป็นไปได้” หรืออาจกล่าวได้ว่าเพราะจินตนาการทำให้พวกเรามีวันนี้
บทความนี้เขียนและเรียบเรียงโดย เพจสวัสดีชาวลูก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านนะคะ
0 ความคิดเห็น