วันนี้จะพูดเรื่องจินตนาการ มีคนพูดถึงเรื่องจินตนาการของชัตเตอร์หลายครั้ง อันที่จริงเราไม่มีเทคนิคอะไรพิเศษที่ทำให้เค้าเป็นคนที่มีจินตนาการเยอะ เราแค่คิดว่าจินตนาการของเด็กเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และมันจะยังคงอยู่หากผู้ใหญ่ไม่ไปขัดขวางมัน ไม่ใช่แค่กับชัตเตอร์แต่รวมถึงเด็กๆทุกคน
สำหรับบ้านเราแล้ว เวลาลูกพูดอะไรออกมาที่แลดูเกินจริง หรือเป็นไปไมได้ เรามักจะไม่ไปพูดขัดคอว่ามันไม่ใช่ มันไม่ได้ ต้องอย่างนั้นสิ ต้องแบบนี้นะ ยกเว้นบางอย่างที่มันจะกระทบเรื่องอื่นๆในอนาคต หรืออาจกระทบบุคคลอื่น หรืออาจเป็นอันตรายหากเขาเชื่ออย่างนั้น เช่น หากลูกเชื่อว่างูน่ารัก จูบได้ เอามารัดคอได้ อันนี้เราห้ามปรามและขอทำความเข้าใจใหม่อย่างแน่นอน
สำหรับบ้านเราแล้ว
- จรเข้บินได้มั้ย? ได้
- เวทมนต์มีจริงมั้ย? มี
- มดเป็นสัตว์เลี้ยงได้มั้ย? ได้
- หมูว่ายน้ำได้มั้ย? ได้
- กิ้งก่าพูดได้มั้ย? ได้
- ซุปเปอร์ฮีโร่มีจริงมั้ย? มีแน่นอนนน
วันก่อนชัตเตอร์หาเมล็ดผักไม่ได้ ยังไปเอาเม็ดโฟมมาปลูกเป็นแครอทแทนได้เลย จินตนาการเอา 55555 ก็ไม่ว่า ไม่เถียงลูก ได้หมดแหละ เราไม่เห็นอย่างที่เขาเห็น เพราะจินตนาการเรามันเหลือน้อยแล้ว ดังนั้นเรามีหน้าที่เออออห่อหมกไป ไม่ซีเรียส
มีคำกล่าวนึงที่เราจำขึ้นใจเสมอ คือคำกล่าวที่ว่า "เมื่อเหตุผลเข้ามาแทนที่ จินตนาการของเราจะค่อยๆลดลง" ซึ่งมันจริง มันใช่เลย มีการศึกษาว่าจินตนาการของเด็กจะค่อยๆลดลงเมื่ออายุ 8 ขวบขึ้นไป นั่นเพราะเค้ารับรู้เหตุและผลมากขึ้นนั่นเอง มันจะลดลงเรื่อยๆจนถึงวัยผู้ใหญ่ วัยที่เขาเป็นคนมีเหตุมีผลเต็มตัว รู้จักโลกมากขึ้น เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราจึงพยายามทำให้จินตนาการของลูกลดลงอย่างช้าๆสัมพันธ์กับวัย ไม่ให้หดหายเร็วจนเกินไป หรือไม่ให้หดหายไปก่อนวัยอันควร
นอกจากเราจะพยายามไม่ไปขัดขวางจินตนาการของลูกแล้ว เรายังพยายามส่งเสริมและกระตุ้นจินตนาการเขาอยู่เสมอ อาจจะตั้งคำถามง่ายๆหรือชวนคุยเล่นๆ
"เห็นก้อนเมฆนั่นมั้ย มันเป็นรูปจรเข้ล่ะ"
"วันนี้เราไปนั่งยานอวกาศกัน ลูกเป็นคนขับนะ" ว่าแล้วก็ไปนั่งลงบนลังกระดาษ ช่วยกันขับสนุกสุดๆ 555
แม่ก็ไรสาระแบบนี้แหละ แต่ลูกก็สนุกนะ ลองดูสิ!
0 ความคิดเห็น