ช่วงนี้หลายครอบครัวอาจสนใจการโฮมสคูลมากขึ้น เพราะอยากให้ลูกได้เรียนรู้ในสิ่งที่เค้าสนใจจริงๆ รวมถึงสามารถยืดหยุ่นตารางเรียนได้ตามไลฟ์สไตล์ของครอบครัว แต่หลายคนอาจมีคำถามว่า “จะจัดตารางเรียนอย่างไรดี?” “ต้องเรียนวันละกี่ชั่วโมง?” “ต้องสอนอะไรบ้างถึงจะเหมาะสมกับวัยของลูก?” วันนี้เราจะมาชวนคุยพร้อมเสนอไอเดียการจัดตารางเรียนโฮมสคูลให้เหมาะกับวัยและความสนใจของลูกกันค่ะ
1. เริ่มจากการสังเกตความสนใจและลักษณะการเรียนรู้ของลูก
- ลองถามลูกก่อนว่าเขาชอบทำอะไร? เช่น บางคนอาจชอบศิลปะ ดนตรี วิทยาศาสตร์ หรือภาษาอังกฤษ
- ดูพฤติกรรม ลูกมีสมาธิดีช่วงไหน? บางคนสมองโล่งช่วงเช้า หรือบางคนชอบทำกิจกรรมเคลื่อนไหวตอนบ่าย
คำถามที่น่าสนใจ
- ลูกมีช่วงเวลาที่ตื่นตัวพร้อมเรียนรู้ที่สุดกี่โมง?
- กิจกรรมแบบไหนที่ทำแล้วลูกสนุก และจดจ่อได้นาน?
2. การจัดตารางเรียนขึ้นอยู่กับความสามารถในการมีสมาธิและลักษณะการเรียนรู้ของเด็กแต่ละวัยค่ะ
- วัยอนุบาล (3-5 ขวบ)
ตารางสั้นๆ เน้นการเล่นเป็นหลัก เพราะเด็กวัยนี้เรียนรู้ผ่านการเล่น ลองจัดกิจกรรมละ 15-20 นาที แล้วพัก
กิจกรรมหลากหลาย เช่น ระบายสี เล่นบล็อก ต่อจิ๊กซอว์ ฝึกปั้นดินน้ำมัน เพื่อเสริมทักษะมือ การมองเห็น และการคิดสร้างสรรค์ เน้นการเล่าเรื่อง เช่น เล่านิทานเพื่อเสริมภาษาและจินตนาการ
- วัยประถม (6-12 ขวบ)
ตารางเป็นช่วงเวลาชัดเจนแต่ไม่ต้องยาวเกินไป อาจแบ่งเป็นชั่วโมงละ 30-45 นาที แล้วให้พัก 10-15 นาที
ทดลองวิทยาศาสตร์ง่ายๆ เช่น ปลูกถั่ว เพื่อสังเกตกระบวนการเติบโต หรือผสมสีต่างๆเพื่อให้เด็กได้ตื่นเต้นกับการค้นพบ ผสมผสานกิจกรรมศิลปะและการอ่าน เสริมจินตนาการ และพัฒนาทักษะทางภาษาไปพร้อมๆกัน
- วัยมัธยม (13-18 ปี)
ให้มีส่วนร่วมในการวางแผนจัดตารางเรยนเอง เพราะวัยนี้อยากมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ถ้าเขารู้สึกว่ามีอิสระจะมีแรงจูงใจในการเรียนมากขึ้น โดแล้วเราก็จะเพิ่มระยะเวลาในแต่ละวิชา ประมาณ 45-60 นาที แต่ควรให้เด็กได้แบ่งเวลาพักหรือทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง ออกกำลังกาย เพื่อไม่ให้เครียดเกินไป เน้นโปรเจกต์และการทำวิจัยย่อย ปลูกฝังทักษะการคิดวิเคราะห์ การหาข้อมูล และการเขียนสรุป
3. เคล็ดลับการจัดตารางให้เหมาะกับครอบครัว
- เริ่มทีละน้อย ค่อยๆปรับ ลองจัดตารางเบื้องต้นก่อน เช่น เรียน 2 ชั่วโมง/วัน แล้วถ้ารู้สึกว่าลูกไหว ก็เพิ่มกิจกรรม หรือขยายเวลาได้ตามความสนใจ ปกติในชั้นประถมเรามักจะใช้เวลาเรยนวิชาการประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวันค่ะ ถ้าชั้นอนุบาลอาจจะแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ฟังไม่ผิดค่ะ เท่านั้นจริๆ
- ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้เสมอ ไม่ต้องยึดตารางแน่นเกินไป ถ้าเจอวิชาหรือหัวข้อที่ลูกสนใจพิเศษ ก็ขยายเวลาตรงนั้นมากขึ้นได้
- สลับกิจกรรมที่ต้องใช้สมองกับกิจกรรมเคลื่อนไหว เพื่อให้สมองและร่างกายได้ผ่อนคลาย เด็กจะมีสมาธิและไม่เบื่อได้ง่าย
- ตั้งเป้าหมายร่วมกัน ให้ลูกได้ตั้งเป้าหมาย เช่น “เดือนนี้จะอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์ให้จบ 1 เล่ม” หรือ “จะฝึกพิมพ์สัมผัสให้ได้คล่องใน 2 สัปดาห์” เพื่อให้มีแรงจูงใจและเช็คความคืบหน้าได้
4. แนะนำแหล่งหาสื่อและ Worksheet
- เว็บไซต์การศึกษา: อย่างเช่น Education.com หรือ Teachers Pay Teachers หรือ Twinkl ที่มีทั้งใบงานฟรีและแบบเสียเงิน
- Pinterest: สามารถค้นหาไอเดียโปรเจกต์ศิลปะ หรือกิจกรรมทำมือ (DIY) สำหรับเด็กทุกวัย
- ร้านหนังสือและห้องสมุด หากระดาษงานฝึกหัดและหนังสือเสริมความรู้มาใช้เพิ่มสีสันในชั่วโมงเรียนได้
บทสรุป
การจัดตารางเรียนโฮมสคูลให้ลูกเป็นทั้งศิลปะและศาสตร์ผสมกัน เราต้องคอยสังเกตความสนใจและพฤติกรรมของเด็ก ปรับตารางตามวัย และไม่ลืมให้เวลาพักผ่อนและเวลาทำกิจกรรมที่ลูกชอบ การเปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกหรือร่วมตัดสินใจจะช่วยให้เค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการเรียน และมีแรงกระตุ้นจากภายใน สิ่งสำคัญคืออย่ากดดันตัวเองและลูกมากเกินไป ค่อยๆทดลองและปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ พร้อมกับหาสื่อเสริมต่างๆ จากเว็บไซต์การศึกษา หรือชุมชนโฮมสคูล เพื่อให้เรามีไอเดียใหม่ๆในการจัดตารางอยู่เสมอค่ะ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณพ่อคุณแม่ได้ไอเดียไปประยุกต์กับครอบครัวของตัวเองนะคะ ขอให้สนุกและประสบความสำเร็จกับการโฮมสคูลค่ะ!
0 ความคิดเห็น