พ่อแม่หลายคนคงเคยกังวลเวลาลูกเริ่มโกหก ว่ามันเป็นแค่เรื่องปกติของเด็ก หรือเป็นสัญญาณของปัญหาที่เราต้องใส่ใจจริงจัง วันนี้เรามาคุยกันค่ะว่า เมื่อลูกโกหก เราควรรับมืออย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด และช่วยให้ลูกรู้จักความสำคัญของความซื่อสัตย์
ลูกโกหกเป็นเรื่องปกติไหม?
Dr. Phillip Hodson ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตบำบัดจาก British Association for Counselling and Psychotherapy ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า เด็กในช่วงอายุไม่เกิน 8 ปี มักสะท้อนค่านิยมของครอบครัว การที่เด็กวัยนี้โกหกเป็นครั้งคราวถือเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อโตขึ้น เด็กจะได้รับอิทธิพลจากเพื่อนมากกว่า และอาจโกหกเพื่อให้ตัวเองดูดี หรือเพื่อหลีกเลี่ยงความผิด
เมื่อไรที่เราควรกังวล?
ถ้าลูกโกหกเพียงเล็กน้อยหรือโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาโดยไม่มีเจตนาร้าย พ่อแม่อาจไม่ต้องกังวลมาก แต่หากพบว่าลูกโกหกบ่อย ๆ ด้วยเจตนาไม่ดี เช่น โกหกเพื่อให้ผู้อื่นเดือดร้อน หรือเพื่อสร้างความขัดแย้ง นั่นอาจเป็นสัญญาณบอกถึงปัญหาทางอารมณ์ที่ลึกกว่าที่เราคิดค่ะ
Bryan Post ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมเด็กชื่อดัง ยังบอกเพิ่มเติมว่า บางครั้งการโกหกที่รุนแรงอาจมีสาเหตุมาจากความเครียด หรือประสบการณ์เจ็บปวดที่ลูกเผชิญอยู่แบบเงียบ ๆ
อีกสาเหตุหนึ่งที่เด็กโกหก คือการที่พ่อแม่เข้มงวดหรือใช้การลงโทษรุนแรงเกินไป เพราะเด็กจะรู้สึกกลัวจนไม่กล้าพูดความจริง จึงเลือกโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตำหนิหรือการถูกทำโทษ
รับมืออย่างไรให้ลูกกล้าพูดความจริง?
1. เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก
เด็กเรียนรู้ได้ดีที่สุดจากการดูพฤติกรรมของพ่อแม่ หากเราซื่อสัตย์ต่อหน้าลูกเสมอ ลูกก็จะเห็นว่าการพูดความจริงเป็นสิ่งที่มีคุณค่า
2. อย่าสร้างสถานการณ์ให้ลูกกลัวที่จะพูดความจริง
เมื่อรู้ว่าลูกทำผิด อย่าใช้คำถามที่ทำให้ลูกกลัวจนต้องโกหก เช่น "หนูทำใช่ไหม?" เพราะเด็กจะกลัวการถูกลงโทษจนต้องโกหกแทนที่จะบอกความจริง ควรพูดให้ลูกเห็นว่าเราทราบเรื่องแล้ว และพร้อมจะรับฟังเหตุผลของเขาอย่างใจเย็น วิธีนี้จะช่วยให้ลูกรู้สึกปลอดภัยที่จะยอมรับความจริงมากกว่า
3. อย่าเรียกลูกว่า “คนโกหก”
การติดป้ายว่า "ลูกเป็นคนโกหก" อาจทำให้ลูกรู้สึกว่านี่คือตัวตนของเขา ลองเปลี่ยนเป็นการอธิบายว่าทำไมความซื่อสัตย์ถึงสำคัญจะดีกว่า
4. ตอบสนองด้วยความรักและความเข้าใจ
แทนที่จะใช้การลงโทษหรือการตำหนิอย่างรุนแรง ลองบอกลูกด้วยความรักว่าเรายังรักและพร้อมรับฟังพวกเขาเสมอ แม้จะทำผิดพลาด เพราะความกลัวจะทำให้เด็กยิ่งโกหกมากขึ้นค่ะ
5. หาสาเหตุที่ลูกโกหก
สังเกตดูว่าลูกโกหกในสถานการณ์ไหนบ่อยที่สุด เพื่อที่เราจะได้เข้าใจแรงจูงใจ เช่น ลูกอยากได้รับการยอมรับจากเพื่อนหรือไม่อยากถูกลงโทษ จากนั้นเราจึงช่วยเขาแก้ไขที่ต้นเหตุแทน
สร้างบ้านที่ความจริงได้รับการยอมรับ
หัวใจของการสอนความซื่อสัตย์ไม่ใช่แค่คำพูดว่า “ห้ามโกหก” แต่คือการสร้างบรรยากาศที่ลูกรู้สึกปลอดภัยที่จะพูดความจริงเสมอค่ะ การตอบสนองด้วยความเข้าใจและความรัก จะช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นใจว่าการพูดความจริงไม่ได้ทำให้เขาถูกลงโทษ แต่ทำให้เขาได้รับความรักและความเชื่อมั่นจากพ่อแม่มากขึ้นนั่นเองค่ะ 😊💕
0 ความคิดเห็น